if
ต้องตามด้วยเครื่องหมาย :
(colon) และขึ้นบรรทัดใหม่เสมอ ซึ่งบรรทัดใหม่ต้องเว้นด้านหน้าเพิ่มจากเดิม 1 indent level เท่านั้นด้วย มากกว่าน้อยกว่านี้ไม่ได้นี่อาจฟังดูยุ่งยากเกินกว่าที่จะจำได้ ไม่ต้องจำครับ เพราะตอนใช้งานจริง จะพบว่ามันเป็นธรรมชาติมากๆ
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่ผิดกันบ่อยๆ คือ หลังประกาศ if แล้ว ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับมันต่อ (แต่รู้แน่ๆ ว่าต้อง check if แบบนี้) ตรงนี้จะปล่อยว่างๆ ไว้ไม่ได้ครับ (เขียนคอมเมนท์ก็ไม่ช่วย) ต้องใช้คำสั่ง
pass
อย่างนี้ข้อดี (หรือเสีย) ของ
pass
คือ กลับมาเขียน code ต่อไม่ต้องลบ pass
ทิ้งก็ได้ (แต่ก็ควรจะลบทิ้ง)การเข้า elif และ else สังเกตว่าตัว check statement จะอยู่ที่ความลึก indent เดียวกันกับ if นะครับ
อ๋อ... Python ไม่มี
switch case
ให้ใช้นะครับการวน
for
ใน Python จะประหลาดกว่าภาษาอื่นหน่อย ตรงที่ต้องอาศัย range()
เข้าช่วยการจบ loop ทันทีเมื่อเจอ condition หรือข้ามบาง condition ใช้
break
และ continue
เหมือนภาษาอื่นครับส่วนการวน loop แบบ
while
ก็จะคล้ายๆ for
ครับลูกเล่นพิเศษของ Python คือ
else
สำหรับ loop ครับ มันจะทำงานก็ต่อเมื่อ loop จบลงธรรมดาๆ และจะไม่ทำงานถ้า loop จบด้วย break
เช่น
อนึ่ง Python ไม่มี
do ... while
แบบภาษาอื่นให้ใช้ด้วยนะครับ (เพราะ while
เฉยๆ ก็ครอบคลุมแล้ว)
code ตัวอย่างล่างสุด ตรง line 5 กะ 15 ผิดอยุ่ป่าวคับ ?
ReplyDeleteจาก
if n > 32:
ต้องเป็น
if i > 32:
ครับผม
ผิดจริงด้วย แก้ไขแล้วฮะ ขอบคุณมาก
Delete