December 4, 2012

Haskell: Boolean และ Control Flow

ค่าความจริงใน Haskell มีเพียงแค่ True กับ False เท่านั้น (ไม่สามารถใช้ 0 หรือค่าว่างแบบอื่นๆ แทน False ได้)

ฟังก์ชันสำหรับตรวจสอบความเท่ากัน ใช้ == (เท่ากัน) กับ /= (ไม่เท่ากัน) ส่วนฟังก์ชันสำหรับการตรวจสอบลำดับก็ได้แก่ <= (น้อยกว่าเท่ากับ), < (น้อยกว่า), > (มากกว่า), >= (มากกว่าเท่ากับ)


logic สำหรับเชื่อมค่าความจริงเหล่านี้ได้แก่ && (และ), || (หรือ), not (นิเสธ)


สาเหตุที่นิเสธไม่ใช้สัญลักษณ์เช่นเดียวกับการดำเนินการอื่นๆ เพราะฟังก์ชันใน Haskell จะเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ได้ มันต้องเป็นฟังก์ชัน 2 ตัวแปรและทำหน้าที่เป็น infix เท่านั้นครับ



ด้วยความที่เป็นภาษา functional ทุกๆ expression จะต้องคืนค่ากลับมาเสมอ ทำให้การใช้ if ใน Haskell ต้องมีส่วน else ตามท้ายตลอด


ถ้าต้องการใช้แค่ if อย่างเดียว และบังคับโปรแกรมให้หยุดทำงานเมื่อเจอเงื่อนไขที่ผิด ก็สามารถใช้ฟังก์ชัน error แบบนี้แทนได้


ตัวอย่างข้างต้นนี้สามารถแยกเขียนหลายบรรทัดให้อ่านง่ายขึ้นได้ แต่เนื่องจาก ghci ไม่สะดวกเมื่อต้องเขียนหลายบรรทัด จะย้ายไปเขียนเป็นฟังก์ชันในไฟล์แทน ดังนี้


สิ่งที่ต่างไปจากการประกาศฟังก์ชันบน ghci คือ ไม่ต้องมี let นำหน้า เนื่องจากฟังก์ชันนี้ไม่ได้ถูกประกาศใน main ครับ

เซฟเป็นไฟล์ func.hs แล้วกลับมาที่ ghci เราจะเรียกฟังก์ชันที่เขียนเก็บด้วยคำสั่ง :l หรือ :load ดังนี้

No comments:

Post a Comment